การกำกับดูแลกิจการที่ดี

บริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ โปร่งใส และเป็นธรรมมาโดยตลอด โดยยึดมั่นในอุดมการณ์ซึ่งได้ถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมาภายใต้กรอบของจรรยาบรรณ และบนพื้นฐานแห่งประโยชน์สุขอย่างสมดุลและยั่งยืน ด้วยความเชื่อมั่นว่าหลักบรรษัทภิบาลที่ยึดถือปฏิบัติมายาวนานจะเป็นระบบบริหารจัดการที่สามารถสร้างผลตอบแทนและเพิ่มมูลค่าระยะยาวให้ผู้ถือหุ้น รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายโดยเท่าเทียมกัน และ สนับสนุน ส่งเสริมความสามารถในการปรับตัวและก้าวผ่านความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ที่นำมาซึ่งทั้งความเสี่ยงและโอกาส รวมถึงความสามารถในการแข่งขันอย่างมั่นคงในระยะยาว โดยมีคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจรรยาบรรณของบริษัทฯ

บริษัทฯ ให้ความสำคัญเรื่องการสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรด้านจริยธรรมควบคู่กับการมุ่งเน้นด้านผลการดำเนินงาน โดยปฏิบัติตามแนวทางด้านบรรษัทภิบาล จรรยาบรรณ และคู่มือบรรษัทภิบาลดยตลอด ทั้งนี้เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย รวมทั้งหน่วยงานกำกับดูแลมีความมั่นใจ จึงได้จัดทำจรรยาบรรณขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร ภายใต้หลักการการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้กรรมการบริษัท ฝ่ายจัดการ และพนักงานทุกระดับทั่วทั้งองค์กรใช้เป็นคู่มือในการปฏิบัติหน้าที่ นอกเหนือจากการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย โดยถือเป็นสิ่งสำคัญที่บุคลากรของบริษัทฯ ทุกคนต้องทำความเข้าใจหลักการและแนวปฏิบัติ ตลอดจนใช้ดุลยพินิจในการปฏิบัติงานตามแนวทางที่กำหนดไว้อย่างจริงจัง และดำรงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์แห่งการประกอบวิชาชีพ

คณะกรรมการบริษัท ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำกับดูแลกิจการที่ดี และได้ทำหน้าที่หลักในการจัดทำนโยบายการกำกับดูแลกิจการ นโยบายการต่อต้านการคอร์รัปชัน และการห้ามให้ หรือเรียกรับสินบน รวมทั้งข้อกำหนดด้านจริยธรรมและจรรยาบรรณทางธุรกิจ ภายใต้กรอบของกฎหมาย หลักเกณฑ์ ระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องที่ออกโดยหน่วยงานกำกับดูแล และประกาศเพื่อเป็นแนวปฏิบัติที่ดีของกรรมการ ฝ่ายบริหาร และพนักงานทุกระดับ รวมถึงให้คำแนะนำ ตลอดจนการปลูกฝังค่านิยมขององค์กรที่สะท้อนการกำกับดูแลกิจการที่ดีให้เกิดการปฏิบัติจนเป็นวัฒนธรรมองค์กร โดยบริษัทฯ ได้จัดทำ นโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตั้งแต่เริ่มแรกจัดตั้งบริษัท และได้ทบทวน / แก้ไขเพิ่มเติมนโยบายการกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance Policy) เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ปี พ.ศ. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศใช้ และสอดคล้องกับบริบทของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด เป็นฉบับทบทวนครั้งที่ 2 เพื่อให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานใช้อ้างอิงในการปฏิบัติงาน

การปฏิบััติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจะเบียน (CG Code)

ในรอบปีบัญชี 2565 คณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติทบทวนนโนบาย และอนุมัตินโยบายหรือแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติที่ดีตามคำแนะนำของฝ่ายจัดการ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย กฎเกณฑ์ของสำนักงานกำกับดูแลกิจการ ประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลต และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนี้

  • ทบทวนนโยบายการทำรายการที่เกี่ยวโยงและการทำรายการระหว่างกัน
  • จัดทำคู่มือนโยบายด้านภาษี
  • แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง กฎบัตรกรรมการบริหารความเสี่ยง คณะอนุกรรมการบริหารความเสี่ยง
  • ทบทวนวิสัยทัศน์พันธกิจ เป้าหมาย กลยุทธ์ และฝ่ายจัดการรายงานผลการปฏิบัติตามกลยุทธ์แก่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทุกเดือน และมีการรายงานในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัททุกไตรมาส
  • ทบทวน ปรับปรุง กฏบัตรคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการชุดย่อย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และเลขานุการบริษัท
  •  ทบทวน ปรับปรุงนโยบายต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชัน และแนวปฏิบัติตามนโยบายต่อต้านการทุจริต และคอร์รัปชัน
  • ทบทวนนโยบายความมั่นคงของระบบสารสนเทศของบริษัท (IT security) 
  • นุมัติคู่มือและแนวปฏิบัตินโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
  • ทบทวนและอนุมัตินโยบายการแจ้งเบาะแสกระการกระทำความผิดและแนวปฏบัติในการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส 
  • จัดทำจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ (Supplier Code of Conduct)
  • การทำข้อตกลงการประมวลการรักษาพยาบาลร่วมกับบริษัทประกัน
  • จัดทำและทําและเผยแพร่นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับแพทย์และคนไข้, พนักงาน, กรรมการ, ผู้ถือหุ้น และช่องทางการใช้สิทธิตามกฎหมาย
  • กำหนดโครงสร้างผู้รับผิดชอบ กำหนดเรื่องรับผิดชอบ กำหนดแนวปฏิบัติสำหรับพนักงาน แพทย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรับผิดชอบและดูแลความปลอดภัยของข้อทูลระบบเทคโนโลยีของบริษัท ตลอดจนข้อมูลของคนไข้ และกำหนดรหัส ชั้นลำดับในการเข้าถึงข้อมูล ตลอดจนแผนการเตรียมพร้อมกับมือกับสถานการณ์โจรกรรมทางไซเบอร์ แผนฉุกเฉิน และการตรวจสอบประเมินระดับความเสี่ยง รวมถึงการสร้างความตระหนักและความเข้าใจให้แก่พนักงานกรรมการใหม่
  • การจัดทำคู่มือการปฐมนิเทศกรรมการใหม่ บริษัทฯ กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่กรรมการบริษัทสำหรับกรรมการที่ได้รับการเลือกตั้งรายใหม่ โดยจัดให้มีหลักสูตรปฐมนิเทศสำหรับกรรมการบริษัทใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับกรรมการ
  • ขั้นตอนและเนื้อหาในการการปฐมนิเทศกรรมการใหม่
    • บริษัทฯ สําหรับกรรมการที่เข้ารับตําแหน่งใหม่ทุกครั้ง โดยมอบหมายให้เลขานุการบริษัท จัดโปรแกรมเข้าเยี่ยมชมกิจการของบริษัทและจัดทำคู่มือกรรมการ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกิจการของบริษัท รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับเป็นผู้นําเสนอเอกสารและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการใหม่ เพื่อให้กรรมการใหม่ได้รับทราบนโยบายธุรกิจของบริษัทฯ รวมทั้งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งส่งมอบคู่มือสําหรับกรรมการ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์สําหรับการเป็นกรรมการ
  • เนื้อหาคู่มือปฐมนิเทศกรรมการใหม่กรรมการ ประกอบด้วย
    • ข้อมูลบริษัท เช่น โครงสร้างองค์กร ผู้ถือหุ้น ผลการดําเนินงาน ข้อมูลระบบต่าง ๆ ที่ใช้งานภายใน
    • พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และฉบับที่มีการแก้ไขใหม่ พ.ศ.2565
    • พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
    • วัตถุประสงค์และการประกอบกิจการของบริษัท
    • ข้อบังคับบริษัทฯ
    • คู่มือและนโยบายการกำกับดูแลกิจการ
    • คู่มือกรรมการบริษัทจดทะเบียน
  • ทั้งนี้ ในปี  2565 บริษัทฯ มีกรรมการเข้าใหม่หนึ่งราย คือ นายอดิสร ถาวรธนสาร กรรมการอิสระ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการใหม่จากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 ทั้งนี้ นายอดิศรฯ ได้เข้ารับการปฐมนิเทศกรรมใหม่แล้ว เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 (ก่อนเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2565 ซึ่งประชุมวันที่ 7 พฤษภาคม 2565)

เรื่องที่ยังไม่ได้ดำเนินการปฏิบัติตาม CGR

เรื่องที่ยังไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เหตุผลและแนวทางการปรับใช้ให้เหมาะสม
1. คณะกรรมการมีการกำหนดนโยบายจำกัดจำนวนบริษัท จดทะเบียนที่กรรมการแต่ละคนจะดำรงตำแหน่งกรรมการ ได้ไม่เกิน 5 แห่ง ไว้ในนโยบายกำกับดูแลกิจการของบริษัทบริษัทไม่ได้กำหนดนโยบายจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่กรรมการแต่ละคนจะ ดำรงตำแหน่งกรรมการ บริษัทเชื่อมั่นว่าความสามารถทางธุรกิจและ ความเชี่ยวชาญของกรรมการบริษัทแต่ละคนนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนบริษัท ที่กรรมการบริษัทดำรงตำแหน่ง ตราบเท่าที่กรรมการคนนั้นมีความสามารถ และมีความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตนตามที่ได้รับความไว้วางใจจาก คณะกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้น บริษัทไม่มีกรรมการดำรงตำแหน่งในบริษัท จดทะเบียนอื่นเกิน 5 แห่ง
อย่างไรก็ดี บริษัทมีการวางแผนการจัดประชุมกรรมการบริษัทและกรรมการชุดย่อยทุ้กคณะไว้ล่วงหน้าทั้งปี และแจ้งตารางการประชุมให้กรรมการรับทราบล่วงหน้าในช่วงสิ้นสุดบัญชีของทุกปี (ภายใน 31 ธันวาคมของทุกปี ) รวมทั้งนำส่งหนังสือเชิญประชุมให้แก่คณะกรรมการล่วงหน้าก่อนการประชุมไม่น้อยกว่า 7 ตามที่กฎหมายกำหนด ทําให้กรรมการบริษัทสามารถเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อยที่ตนได้รับการแต่งตั้งได้อย่างครบถ้วนตามกำหนดนัดประชุมที่แจ้งไว้ล่วงหน้าตลอดทั้งปี และสามารถพิจารณาให้ความเห็นต่อวาระการประชุมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ เพื่ออรักษาผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้น ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
2. คณะกรรมการมีกำหนดนโยบายจำกัดจำนวนปีในการดำรง ตำแหน่งของกรรมการอิสระไว้ไม่เกิน 9 ปี    แม้ว่าบริษัทไม่ได้กำหนดนโยบายจำนวนปีในการดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ ในกรณีที่กรรมการอิสระมีการดำรงตำแหน่งต่อเนื่องเกิน 9 ปี คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลถึงความจำเป็นดังกล่าว เนื่องจากกรรมการอิสระยังคงปฏิบัติหน้าที่กรรมการด้วยความเป็นอิสระ ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวที่อาจขัดแย้งกับผลประโยชน์สูงสุดของบริษัท
นอกจากนี้ กรรมการอิสระทั้ง 4 คนของบริษัท ได้รักษาคุณสมบัติของการเป็นกรรมการอิสระตามนิยามของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักกทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่กำหนดไว้ ทำให้กรรมการอิสระของบริษัทสามารถให้ความเห็นได้อย่างอิสระ รวมทั้งไม่มีผลประโยชน์ที่ขัดแย้ง และ/หรือส่วนได้เสียอย่างมีนัยสำคัญกับบริษัทแต่อย่างใด และมีความเป็นอิสระจากฝ่ายจัดการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ทั้งนี้ หากมีกรรมการอิสระที่ดํารงตําแหน่งกรรมการมาเกิน 9 ปี ครบกําหนด วาระตามกฎหมายและคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติให้กรรมการอิสระท่านนั้นดํารงตําแหน่งต่อ โดยคณะกรรมการจะนําเสนอถึงเหตุผลใน การขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติเลือกกรรมการดังกล่าวเป็นกรรมการอิสระต่อไป
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565  บริษัทฯ ไม่มีกรรมการอิสระดำรงตำแหน่งเกิน 9 ปี
3. ประธานกรรมการของบริษัทเป็นกรรมการอิสระบริษัทไม่ได้กำหนดนโยบายว่าประธานกรรมการบริษัทต้องเป็นกรรมการอิสระ เนื่องจากธุรกิจของบริษัทจำเป็นต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ที่ยาวนาน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นกรรมการอิสระ แต่ก็ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความเป็นอิสระ ประธานมิได้ใช้อำนาจกระทำการแทนคณะกรรมการ โดยที่กรรมการมิได้รับทราบมาก่อน ซึ่งอยู่ภายใต้กฏระเบียบและข้อบังคับบริษัท และเปิดโอกาสให้กรรมการทุกคน มีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและเสนอข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร
4. มีคณะกรรมการชุดย่อย ได้แก่
คณะกรรมการสรรหา / คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทน  /
คณะกรรมการกำกับกิจการ /
คณะกรรมการบริหาร /
บริษัทไม่ได้กำหนดนโยบาย ว่าประธานคณะกรรมการสรรหาและประธาน ค่าตอบแทน ต้องเป็นกรรมการอิสระ แต่กรรมการทุกคนได้ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต และไม่ได้ออกเสียงในวาระที่ตนมีส่วนได้เสีย อย่างไรก็ตาม ประธานกรรมการ เป็นประธานกรรมการสรรหาฯ ซึ่งมีคุณสมบัติ เพียงพอ เหมาะสม ในการพิจารณา ถ่วงดุลการสรรหากรรมการและกำหนด ค่าตอบแทน
5. บริษัทไม่มีการจัดประชุมระหว่างกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ จัดให้กรรมการบริษัทที่ไม่เป็นผู้บริหารมีโอกาสที่จะประชุมระหว่างกันเอง ตามความจำเป็นเพื่ออภิปรายปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการที่อยู่ในความสนใจ โดยไม่มีฝ่ายจัดการร่วมด้วยเนื่องจากกรรมการแต่ละท่านสามารถแสดง ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ อย่างเป็นอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร และไม่ปรากฏมีความขัดแย้งใด
6. บริษัทไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการดำรงตำแหน่งในบริษัทอื่นของกรรมการ
บริษัทฯ มีข้อจำกัดเรื่องความรู้ ความชำนาญในลักษณะ และประเภทของธุรกิจเช่นสิ่งทอ และคณะกรรมการได้แสดงให้เห็นว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่และจัดสรรเวลาอย่างเพียงพอ
7.กรรมการที่เป็นเพศหญิงอย่างน้อย 2 คน แต่กำหนดให้มีนโยบายความหลากหลายของกรรมการ
กรรมการอิสระมีจำนวนมากกว่ากึ่งหนึ่งขององค์คณะ คณะกรรมการควรประกอบด้วยกรรมการที่เป็นอิสระมากกว่าร้อยละ 50 ปัจจุบันโครงสร้างกรรมการยังคงเป็นโครงสร้างที่มีการถ่วงดุลและการสอบทานการบริหารงานที่เหมาะสม เนื่องจากโครงสร้าง คณะกรรมการของบริษัทประกอบด้วยกรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหารมากกว่ากึ่งหนึ่งของคณะกรรมการทั้งหมด และเพื่อเป็นการถ่วงดุล อํานาจและหน้าที่ของคณะกรรมการและอํานาจและหน้าที่ระหว่างคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ คณะกรรมการได้แต่งตั้งประธานกรรมการ ตรวจสอบในฐานะตัวแทนกรรมการอิสระให้มีส่วนร่วมในการพิจารณากําหนดวาระการประชุมคณะกรรมการ
– การกําหนดนโยบายจํากัดจํานวนปีในการดํารงตําแหน่งของกรรมการอิสระไว้ไม่เกิน 9 ปี บริษัทไม่มีการกําหนดวาระการดํารงตําแหน่งต่อเนื่องของกรรมการอิสระ เนื่องจากกรรมการอิสระของบริษัทมีคุณสมบัติตาม นิยามกรรมการอิสระที่คณะกรรมการกํากับตลาดทุนและบริษัทกําหนด และสามารถให้ความเห็นอย่างอิสระในการประชุมคณะกรรมการ มี ความเป็นอิสระจากฝ่ายบริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ทั้งนี้ หากมีกรรมการอิสระที่ดํารงตําแหน่งกรรมการมาเกิน 9 ปี ครบกําหนด วาระตามกฎหมายและคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติให้กรรมการอิสระท่านนั้นดํารงตําแหน่งต่อ โดยคณะกรรมการจะนําเสนอถึงเหตุผลใน การขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติเลือกกรรมการดังกล่าวเป็นกรรมการอิสระต่อไป
จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการ ตั้งแต่ 6 ครั้งขึ้นไปบริษัทได้กำหนดวันประชุมคณะกรรมการไว้เป็นการล่วงหน้า ซึ่งในปี 2565 มีการประชุมคณะกรรมการบริษัท จำนวนทั้งสิ้น 4 ครั้ง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการจัดประชุมออนไลน์ ระหว่างกรรมการและฝ่ายจัดการ โดยร่วมกันวางแผนและติดตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทอยู่เสมอ นอกจากนี้ กรรมการยังคงแวะเวียน เข้าเยี่ยมเยียนดูแลกิจการเมื่อมีโอกาส ตลอดจนยินดีให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาแก่ฝ่ายจัดการอยู่เสมอ  

โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการ และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคณะกรรมการ

คณะกรรมการชุดย่อย ผู้บริหาร

นโยบายและวิธีการกำหนดค่าตอบแทน และโครงสร้างค่าตอบแทนของกรรมการ กรรมการชุดย่อยและผู้บริหาร

ค่าตอบแทนของกรรมการและกรรมการชุดย่อย

คณะกรรมการบริษัท จะพิจารณาให้โครงสร้างและอัตราค่าตอบแทนของกรรมการและกรรมการชุดย่อยให้มีความเหมาะสมกับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ รวมถึงผลการดำเนินงานและขนาดธุรกิจของบริษัทฯ โดยอยู่ในลักษณะที่เปรียบเทียบได้กับธุรกิจที่มีขนาดใกล้เคียงกับบริษัทฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน

นการนี้ ผู้ถือหุ้นจะเป็นผู้อนุมัติโครงสร้างและอัตราค่าตอบแทนของกรรมการทั้งรูปแบบที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน และบริษัทฯ จะเปิดเผยนโยบายและอัตราค่าตอบแทนกรรมการ รวมทั้งรูปแบบและจำนวนของค่าตอบแทนไว้ในรายงานประจำปีของบริษัทฯ ด้วย

ค่าตอบแทนผู้บริหาร

บริษัทมีนโยบายและหลักเกณฑ์ในการกำหนดค่าตอบแทนผู้บริหาร ซึ่งเชื่อมโยงทั้งผลการดำเนินงานของบริษัท ในรูปแบบประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารเป็นประจำทุกปี โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดค่าตอบแทน และปรับค่าจ้างประจำปีที่สะท้อนถึงผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) ของผู้บริหารแต่ละคนตามขอบเขตหน้าที่ที่รับผิดชอบ โดยมีความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ของบริษัท ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่ตามแนวปฏิบัติและมาตรฐานที่บริษัทกำหนด

ประเภทของค่าตอบแทน

รูปแบบการจ่ายค่าตอบแทน สามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่

1) ค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงิน เช่น ค่าตอบแทนประจำ เบี้ยประชุม และโบนัส/บำเหน็จ 

2) ค่าตอบแทนที่ไม่เป็นตัวเงิน เช่น หุ้นบริษัท ใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้น สิทธิประโยชน์ เป็นต้น ซึ่งรูปแบบการจ่ายค่าตอบแทนกรรมการนั้น ขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์และนโยบายค่าตอบแทนกรรมการ

สามารถตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลการจ่ายค่าตอบแทนของกรรมการ ในปี 2565 (ได้ที่นี่)

การดำรงตำแหน่งของกรรมการและคณะกรรมการชุดย่อย และการเข้าร่วมประชุม

รายงานสัดส่วนการถือครองหลักทรัพย์ของกรรมการและผู้บริหาร

การพัฒนากรรมการการอบรม/ สัมมนา/ การร่วมกิจกรรมของบริษัท และผู้ที่เกี่ยวข้องกับส่วนการกำกับดูแลกิจการ

คณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารได้ตระหนักถึงบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบต่อบริษัท ซึ่งบริษัท ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรทั่วทั้งองค์กร เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะผู้นำและวิสัยทัศน์ของกรรมการ และผู้บริหารให้มีความรู้ความสามารถ ทักษะและมีศักยภาพโดยสนับสนุนเข้าสัมมนาและอบรมในหลักสูตรที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ทั้งภายในและภายนอกสถานที่ การพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกรรมการบริษัท และผู้บริหารขององค์กรอื่นๆ เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับกลับมาพัฒนาบริษัท ดังนี้

  1. คณะกรรมการบริษัท ส่งเสริมและอํานวยความสะดวกให้มีการฝึกอบรมและการให้ความรู้แก่ผู้เกี่ยวข้องในระบบการกํากับดูแลกิจการของบริษัทฯ เช่น กรรมการ กรรมการตรวจสอบ ผู้บริหาร เลขานุการบริษัท เป็นต้น เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง การฝึกอบรม และให้ความรู้อาจกระทําเป็นการภายในบริษัท หรือใช้บริการของสถาบันภายนอก
  2. คณะกรรมการกําหนดให้มีการปฐมนิเทศกรรมการใหม่ทุกคน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในธุรกิจ และการดําเนินการด้านต่างๆ ของบริษัทฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ โดยมีเลขานุการบริษัทเป็นผู้ประสานงานในเรื่องต่าง ๆ อาทิ โครงสร้างธุรกิจ และโครงสร้างกรรมการ ขอบเขตอํานาจหน้าที่ กฎหมายที่ควรทราบ ความรู้ทัวไปของธุรกิจ แนวทางการดําเนินงาน เป็นต้น
  3. คณะกรรมการกําหนดให้มีนโยบายพัฒนาบุคลากรสําหรับกรรมการและผู้บริหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลกิจการ ทั้งนี้ เปิดเผยในแบบแสดงรายการข้อมูลประจําปี 2565 (แบบ 56-1 One Report) ของบริษัท

นโยบายการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

         คณะกรรมการบริษัท

การประเมินผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการบริษัทดูแลให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการเป็นประจำทุกปีอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง โดยแบ่งการประเมินออกเป็นสองแบบ คือ การประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการทั้งคณะ (As a whole) และการประเมินผลการปฏิบัติงานของตนเอง (Self-Assessment) รวมทั้งจัดให้มีการประเมินการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยกระบวนการในการประเมินการปฏิบัติงานของกรรมการบริษัททั้งแบบคณะและรายบุคคลนั้น คณะกรรมการบริษัทมอบหมายให้เลขานุการบริษัทเป็นผู้ดำเนินการส่งแบบประเมินให้กรรมการบริษัททุกคน เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการบริษัทและกรรมการชุดย่อยที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่ จากนั้นให้เลขานุการบริษัทรวบรวมแบบประเมินกลับมาประมวลผลและรายงานต่อคณะกรรมการบริษัท โดยคณะกรรมการบริษัทจะนำผลการประเมินมาวิเคราะห์และหาขั้นตอนเพื่อกำหนดมาตรการในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของคณะกรรมการบริษัทต่อไปโดยกรรมการทุกท่านมีความเป็นอิสระในการทำแบบประเมิน

            หลักเกณฑ์การประเมินผล คิดเป็นร้อยละจากคะแนนเต็มในแต่ละข้อ ดังนี้

ช่วงคะแนนเกณฑ์ประเมิน
ตั้งแต่ร้อยละ 90 ขึ้นไปดีเยี่ยม
ตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไปดีมาก
ตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไปพอใช้
น้อยกว่าร้อยละ 50ต้องปรับปรุง

            ผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการบริษัท ปี 2565 มีรายละเอียดดังนี้

คณะกรรมการบริษัทผลการประเมิน (ร้อยละ%)เกณฑ์
การประเมินกรรมการองค์คณะ97.88ดีเยี่ยม
การประเมินกรรมการรายบุคคล94.00ดีเยี่ยม

            สรุปโดยรวมจากการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัทฯ ประจำปี 2565 อยู่ในเกณฑ์ “ดีเยี่ยม” ทั้ง 2 รูปแบบ คือ การประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการทั้งคณะและการประเมินผลการปฏิบัติงานของตนเอง (กรรมการประเมินตนเอง) ทั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณาผลการประเมินดังกล่าวเพื่อนำ ไปเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการให้ดียิ่งขึ้น

            กรรมการชุดย่อย

            การประเมินผลงานประจำปีของคณะกรรมการชุดย่อย การประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการชุดย่อยทุกคณะ แบ่งการประเมินเป็น 3 ด้าน ได้แก่

1. โครงสร้างและคุณสมบัติของกรรมการ

2. บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ

3. การประชุมคณะกรรมการ

โดยมีกระบวนการในการประเมิน ดังนี้

1) ดำเนินการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการชุดย่อยแบบทั้งคณะ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

2) เลขานุการบริษัท สรุปและเสนอผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการชุดย่อยทุกชุด ต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาผลประเมิน และแนวทางการ พัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน

            ผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการชุดย่อย มีรายละเอียดดังนี้

คณะกรรมการชุดย่อยผลประเมินการปฏิบัติงานเกณฑ์ประเมินผล
คณะกรรมการตรวจสอบ  
คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงN/AN/A

การประเมินผลการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

            คณะกรรมการบริษัทจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นประจำทุกปี โดยใช้แนวทางการประเมินจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และแนวของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยในหัวข้อเกี่ยวกับความเป็นผู้นำ การกำหนดและปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์ การวางแผนและผลปฏิบัติทางการเงิน ความสัมพันธ์กับคณะกรรมการ การสืบทอดตำแหน่ง การบริหารความเสี่ยง และการควบคุมภายใน การกำกับดูแลกิจการ ซึ่งหลักเกณฑ์การประเมินดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากทั้งคณะกรรมการบริษัท โดยใช้การประเมินตามแนวทางของตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนี้

1. การประเมินผลดัชนีชี้วัดผลการดำเนินงาน

2. การประเมินด้านความเป็นผู้นำ (Leadership Competency) ซึ่งผลการประเมินดังกล่าวถือว่าเก็บข้อมูลลับเฉพาะบุคคลไม่สามารถเปิดเผยได้

3.โดยเลขานุการบริษัทจะจัดส่งแบบประเมินดังกล่าวให้คณะกรรมการบริษัททุกคน จากนั้นรวบรวมผลการประเมิน และรายงานต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณากำหนดค่าตอบแทนประจำปีของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

สำหรับผลการประเมินการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำปี 2565 เฉลี่ยร้อยละ  90.56% อยู่ในเกณฑ์ดีมาก